ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศและผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพของมนุษย์ ส่งผลให้เครื่องฟอกอากาศได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเดิม นำไปสู่ตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมเครื่องฟอกอากาศ
ตามรายงานที่เผยแพร่โดย Marketsand Markets ตลาดเครื่องฟอกอากาศทั่วโลกมีมูลค่า 13.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 และคาดว่าจะสูงถึง 19.9 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 โดยเติบโตที่อัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 7.8% ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ รายงานชี้ให้เห็นว่าระดับมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มความตระหนักของผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้เครื่องฟอกอากาศ และแนวโน้มการเติบโตของบ้านอัจฉริยะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดนี้
ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ทำให้ตลาดเครื่องฟอกอากาศเติบโตคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากไวรัสแพร่กระจายผ่านอากาศ ผู้คนจึงตระหนักถึงคุณภาพของอากาศที่พวกเขาหายใจมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการเครื่องฟอกอากาศเพิ่มมากขึ้น ตามการสำรวจที่จัดทำโดย Allergy Standards ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกใบรับรอง พบว่าผู้บริโภคเกือบ 70% ที่ซื้อเครื่องฟอกอากาศในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ ซื้อเครื่องฟอกอากาศเพื่อข้อกังวลเรื่องโควิด-19 โดยเฉพาะ
ในแง่ของประเภทของเครื่องฟอกอากาศ กลุ่มตัวกรอง HEPA (High-Efficiency Particulate Air) ครองตลาด เนื่องจากประสิทธิภาพของตัวกรอง HEPA ในการดักจับมลพิษและฝุ่นละอองจากอากาศ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น ตัวกรองถ่านกัมมันต์ แสงยูวี และเครื่องสร้างประจุไอออน ก็กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน
ตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปคาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปีต่อๆ ไป เนื่องจากความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอันตรายของมลพิษทางอากาศ
โดยสรุป ตลาดเครื่องฟอกอากาศกำลังมีการเติบโตที่สำคัญซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างๆ รวมถึงมลพิษทางอากาศ ความตระหนักของผู้บริโภค และบ้านอัจฉริยะ เนื่องจากตลาดคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป เราจึงสามารถคาดหวังที่จะเห็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น
เวลาโพสต์: May-22-2023